หากพูดถึง ‘มะนาว‘ ต้องชวนให้นึกถึงความเปรี้ยวปรี๊ดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมะนาวจัดอยู่ในไม้ผลตระกูลเดียวกับ ‘ส้ม’ สามารถนำไปประกอบอาหารปรุงรส และยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย
เป็นที่ทราบกันดีว่าราคา ‘มะนาว‘ จะมีช่วงที่ถูกและแพง ซึ่งช่วงหนึ่งที่ราคามะนาวสูง เกษตรกรหลายรายหันไปปลูกมะนาวกันอย่างมากมาย บ้างก็ประสบความสำเร็จ บ้างก็ล้มเหลว วันนี้จึงขอพาทุกท่านไปรับชมและเรียนรู้เทคนิคการปลูก ‘มะนาว’ เพื่อสร้างรายได้กัน ที่ ‘สวนมะนาวลุงเสน่ห์’ ใน ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ของคุณเสน่ห์ รุ่งสว่าง หรือลุงเสน่ห์ เกษตรกรใน จ.นนทบุรี
โดยสวนมะนาวของลุงเสน่ห์ ตั้งอยู่ใจกลางที่รายล้อมไปด้วยหมู่บ้านจัดสรร หรือเรียกได้ว่าเป็น ‘เกษตรสังคมเมือง’ ลุงเสน่ห์เล่าถึงความเป็นมาในการหันมาปลูกมะนาวว่า สมัยยังเด็กเรียนจบแค่ชั้น ป.7 ซึ่งแต่เดิมที่บ้านก็ประกอบอาชีพเป็นชาวสวนอยู่แล้ว เป็นสวนทุเรียนที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
จนเมื่อครั้งเรียนจบ หรือเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ทางบ้านจึงให้พื้นที่ในการประกอบอาชีพ จึงสนใจที่จะปลูกมะนาวในพื้นที่ 4 ไร่ แบบยกร่อง เนื่องจากในขณะนั้นต้องปลูกมะนาวในบริเวณสวนทุเรียนด้วย จนสามารถสร้างบ้าน และครอบครัวเป็นของตนเองได้
กระทั่งปี 2538 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ ถึงแม้จะมีการช่วยเหลือกันของเกษตรกรในละแวกนั้น แต่ก็ไม่อาจต้านทานกระแสน้ำได้ จนสวนทุเรียนและสวนมะนาวของครอบครัวลุงเสน่ห์ต้องจมน้ำ ทำให้ต้นไม้และผลผลิตเสียหายทั้งหมด
ลุงเสน่ห์จึงหันไปปลูกไม้ดอกไม้ประดับนั้นคือ ‘ต้นพลูด่าง’ เนื่องจากในขณะนั้นความเจริญเริ่มเข้ามาใน จ.นนทบุรี จึงมีแนวคิดว่าอยากปลูกไม้ประดับเพื่อส่งขายให้กับคนในเมือง เพื่อนำไปใช้ประดับตกแต่งในสวนบ้านของตนเอง ถือได้ว่าเป็นเจ้าแรกๆ ใน จ.นนทบุรี และสามารถรวมกลุ่มเกษตรกรที่หันมาปลูกต้นพลูด่างเพื่อจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มอบหมายให้ลูกชายเป็นผู้ดูแลต่อ
จนเมื่อปี 2557 เกิดความคิดที่จะกลับมาปลูกมะนาวเพื่อจำหน่ายอีกรอบ ลุงเสน่ห์จึงลองมาปลูกพื้นที่ อ.บางบัวทอง โดยมีการจัดสรรพื้นที่แบบครบวงจร อีกทั้งยังเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ 4 ไร่ ในการปลูกมะนาว อีก 2 งานได้ขุดไว้เป็นบ่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ช่วงน้ำน้อย และช่วงน้ำเค็ม พร้อมสร้างโรงเพาะชำ และบ้านพักคนงาน
สำหรับขั้นตอนการเตรียมตัวในการปลูกมะนาวนั้น ต้องมีการสำรวจดินเพื่อหาค่าที่เหมาะสม ซึ่งหากดินขาดธาตุอาหารตัวไหนก็ต้องเสริมบำรุงดินอย่างเต็มที่ อาทิการใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก สำหรับที่สวนของลุงเสน่ห์ จะปลูกแบบ 2 ชนิดคือการปลูกในวงบ่อซีเมนต์แบบรองฝา และอีกส่วนหนึ่งจะปลูกลงดิน ส่วนสายพันธ์ุที่นำมาปลูกนั้น ต้องไปเลือกซื้อจากสวนที่มีคุณภาพ และมีความสมบูรณ์ ต้องเป็นสายพันธ์ุที่มีความต้องการของตลาดด้วย
ในสวนแห่งนี้จะปลูกมะนาวประมาณ 6-7 สายพันธุ์ แต่ที่เด่นๆจะเป็นสายพันธ์ุ เลม่อน เพชรป่าระอุ แป้นพิจิตร และแป้นพวง ซึ่งแต่ละชนิดก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป อย่างเลม่อนเป็นสายพันธ์ต่างประเทศ น้ำเยอะ ไม่มีเม็ด รสชาติดี แป้นพิจิตรจุดเด่นคือเป็นสายพันธ์ุที่ทนทานต่อโรค และมีคุณภาพ ออกลูกดก เพชรป่าระอูจุดเด่นคือลูกใหญ่ น้ำเยอะ และไม่มีเม็ด รสชาติดี เหมาะในการตำน้ำพริก ลูกดก ในส่วนของแป้นพวงเป็นสายพันธ์ุดั่งเดิมของ จ.นนทบุรี คุณลักษณะเด่นคือเปลือกบางน้ำเยอะ ซึ่งเป็นที่นิยมของตลาดทั่วไป
การดูแล ควรให้น้ำสม่ำเสมอ ซึ่งที่สวนจะให้น้ำวันเว้นวัน การให้ปุ๋ยจะให้ทุกๆ 3 เดือน ทั้งนี้แต่ละพื้นที่ ดินจะเก็บความชื้น และสารอาหารไม่เท่ากันแล้วแต่พื้นที่
ทั้งนี้มะนาวจะออกลูกตลอดปี ซึ่งหากมีดอกแล้วจะใช้เวลาอีกประมาณ 5 เดือนก็สามารถได้ผลผลิตเพื่อไว้จำหน่ายได้แล้ว ตามธรรมชาติถ้าลูกเต็มต้น รุ่นต่อไปผลผลิตก็จะน้อยลง หากเราต้องการทำผลผลิตไว้จำหน่ายในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน ซึ่งเป็นช่วงมะนาวราคาแพง ก็ต้องทำการบิดลูกไว้ ให้ออกเฉพาะช่วงกลางต้น เพื่อให้ต้นมะนาวแตกกิ่ง และใบใหม่ ก่อนช่วงที่เราจะเก็บเกี่ยวประมาณ 5 เดือน ผลผลิตก็จะไปออกในช่วงที่มะนาวราคาแพงพอดี
ช่องทางการจำหน่ายสินค้า ซึ่งหากเป็นแต่ก่อนต้องนำผลผลิตเข้าไปจำหน่ายในเมืองอาทิ ปากคลองตลาด แต่ปัจจุบันสามารถวางจำหน่ายหน้าสวนได้เลย เนื่องจากสวนของลุงเสน่ห์เป็นแบบเปิด ในส่วนของราคาหากเป็นช่วงราคาตกจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท หากเป็นช่วงหน้าแล้งราคาจะพุ่งสูงขึ้นกิโลกรัมละ 100 บาท
ลุงเสน่ห์เผยว่าหากมีความสนใจในการปลูกมะนาว ควรปลูกแบบลงดิน โดยการปลูกนั้นควรเว้นระยะห่างแต่ละต้นประมาณ 5-6 เมตร ซึ่งจะได้ต้นที่ใหญ่และผลผลิตที่มากกว่าการปลูกในวงบ่อซีเมนต์ ซึ่งการปลูกภายใน 4 ไร่นี้ ประมาณ 200 ต้น แบบลงดินทั้งหมดสามารถสร้างรายได้แตะ 7 หลัก ต่อปีเลยทีเดียว
“การทำเกษตรควรมีการวางแนวทาง และต้องทำด้วยความตั้งใจ ใส่ใจทุกรายละเอียด พร้อมตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นคงของครอบครัวในอนาคต การรวมกลุ่มของเกษตรกรถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาไร่สวนของตนเองอย่างมา เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ พร้อมเป็นการระดมความคิดในการแก้ไขปัญหาทางด้านเกษตร สร้างความมั่นคงทางการตลาด รวมถึงการจัดการแผนงานบริหารทางด้านการเงินอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถประกอบอาชีพเกษตรได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” ลุงเสน่ห์กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา www.cyto.biz (ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยมูลค้างคาว ปุ๋ยไซโต)
Comments