ผลไม้ที่หลายคนมักนึกถึงในช่วงที่ร่างกายขาดความสดชื่นก็คือ ส้ม เพราะส้มเป็นผลไม้ที่ให้กลิ่นหอม มีรสชาติเปรี้ยวหวานกำลังดี มีวิตามินซีและสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เป็นผลไม้ที่มักนำมาเสิร์ฟหลังทานอาหารแต่ละมื้อ เพราะจัดว่าเป็นผลไม้ที่ช่วยล้างปากได้ดีนั่นเอง ที่สำคัญส้มยังมีส่วนช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน และยังช่วยล้างสารพิษในร่างกายได้อีกด้วย ว่าแต่ประโยชน์ของส้มจะมีอะไรอีกบ้าง ตามไปดูกันเลย
รู้จักส้ม
ส้ม (orange) เป็นผลไม้ยอดฮิตไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็ตาม โดยส้มมีรสชาติเปรี้ยวหวาน ให้สารอาหารประเภทวิตามินต่างๆ หลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินดี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส คอลลาเจน ธาตุเหล็ก และแคลเซียม ส้มเป็นผลไม้ที่คนทุกวัยสามารถทานได้ โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน พ่อแม่จะเริ่มให้ดื่มน้ำส้มผสมน้ำเปล่าลงไป เพื่อลดการระคายเคือง นอกจากส้มจะเป็นผลไม้ที่ให้สารอาหารหลากชนิดแล้ว ยังเป็นผลไม้ที่สามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มและอาหารเพื่อสุขภาพได้อย่างหลากหลายอีกด้วย
คุณค่าทางโภชนาการของส้ม
ในส่วนของส้ม 100 กรัม ให้คุณค่าทางโภชนาการดังนี้
พลังงาน 47 กิโลแคลอรี, คาร์โบไฮเดรต 11.75 กรัม, น้ำตาล 9.35 กรัม, เส้นใย 2.4 กรัม, ไขมัน 0.12 กรัม, โปรตีน 0.94 กรัม, วิตามินเอ11 ไมโครกรัม 1%, วิตามินบี1 0.087 มิลลิกรัม 8%, วิตามินบี2 0.04 มิลลิกรัม 3%, วิตามินบี3 0.282 มิลลิกรัม 2%, วิตามินบี5 0.25 มิลลิกรัม 5%, วิตามินบี6 0.06 มิลลิกรัม 5%, วิตามินบี9 30 ไมโครกรัม 8%, โคลีน 8.4 มิลลิกรัม 2%, วิตามินซี 53.2 มิลลิกรัม 64%, วิตามินอี 0.18 มิลลิกรัม 1%, ธาตุแคลเซียม 40 มิลลิกรัม 4%, ธาตุเหล็ก 0.1 มิลลิกรัม 1%, ธาตุแมกนีเซียม 10 มิลลิกรัม 3%, ธาตุแมงกานีส 0.025 มิลลิกรัม 1%, ธาตุฟอสฟอรัส 14 มิลลิกรัม 2%, โพแทสเซียม 181 มิลลิกรัม 4%, ธาตุสังกะสี 0.07 มิลลิกรัม 1%
ประโยชน์ของส้ม
ส้มเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยในการสร้างคอลลาเจนภายในร่างกาย มีส่วนช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้เป็นอย่างดีมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีความเปล่งปลั่งสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ และฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้านให้มีความชุ่มชื้น สุขภาพดีได้ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง และช่วยลดสภาวะของความเครียดให้ลดลง4.วิตามินซีที่อุดมอยู่ในส้มช่วยบำรุงสายตาให้มีสุขภาพดี และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคต้อกระจกได้อีกด้วยมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและโรคเลือดออกตามไรฟันแผลไฟไหม้หรือแผลหลังผ่าตัดสามารถหายได้เร็วขึ้นจากการทานส้ม เพราะส้มมีวิตามินซีและคอลลาเจนที่จะช่วยในการสมานแผลต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพส้มมีสารอาหารอย่างสารฟลาโวนอยด์ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการอักเสบ และช่วยป้องกันเลือดจับตัวกันเป็นก้อนได้ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม สารเบต้าแคโรทีนที่อุดมอยู่ในส้มนั้นมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเส้นผมได้ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงเล็บ ผิว และยังมีส่วนช่วยให้ผนังหลอดเลือดเส้นเลือดฝอยมีความแข็งแรงเปลือกส้มเต็มไปด้วยน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีความสามารถในการแก้อาการวิงเวียนศีรษะ และยังจัดเป็นยาระบายอ่อนๆ ได้ดี นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยในการปรับระดับน้ำตาลในเลือด และยังช่วยกรองสารพิษที่อยู่ในตับได้อีกด้วยการทานส้มเป็นประจำทุกวัน ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ มีส่วนช่วยในการลดโอกาสที่จะเกิดโรคมะเร็งที่ปาก กระเพาะอาหาร และทมะเร็งกล่องเสียง อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเป็นอัมพาตได้เป็นอย่างดีน้ำส้มช่วยแก้อาการกระหาย ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
ไอเดียการใช้ส้มเพื่อสุขภาพ
นอกจากส้มจะเป็นผลไม้มงคลรับตรุษจีนแล้ว ยังถือว่าเป็นผลไม้ที่สามารถนำมาทำเป็นเมนูอาหารเครื่องดื่มได้อีกหลากหลายเลยทีเดียว และที่สำคัญยังสามารถนำมาใช้เพื่อสุขภาพได้อีกด้วย เช่น
ช่วยไล่ยุง นำเปลือกส้มมาตากแห้ง เมื่อแห้งแล้วให้นำมาจุดไฟ วิธีนี้จะช่วยให้กลิ่นที่หอมฟุ้ง เพิ่มความสดชื่นในร่างกาย อีกทั้งยังเป็นการไล่ยุ่งด้วยวิธีที่ปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วยช่วยย่อยอาหาร การเสิร์ฟอาหารที่เป็นเมนูเนื้อสัตว์คู่กับเปลือกส้ม จะเป็นการช่วยย่อยอาหารที่มีไขมันสูงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว หรือจะสับเปลือกส้มลงในเมนูอาหารขณะที่กำลังปรุงอาหารนั้นๆ ด้วยก็ยังได้ดับกลิ่นในห้องครัว การนำเปลือกส้มมาอบด้วยไฟอ่อนสักประมาณ 4-5 นาที จากนั้นเปิดฝาไมโครเวฟทิ้งไว้ จะทำให้กลิ่นหอมของเปลือกส้มที่ได้จากน้ำมันหอมระเหยช่วยดับกลิ่นอาหารที่ไม่พึงประสงค์ในห้องครัวได้เป็นอย่างดีแก้อาการดับกระหาย เพียงนำส้มมาคั้นสดๆ แล้วดื่มก็จะช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย ปลุกความสดชื่นและสามารถดื่มดับกระหายในหน้าร้อน หรือช่วงอากาศร้อนๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ซึ่งวิตามินซีจากส้มยังช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วยปรนนิบัติด้านความงาม ส้มเราสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบเสริมความงามได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส เรียบเนียน และลดเลือนจุดด่างดำให้ดูจางลง โดยสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
สูตรพอกหน้าด้วยส้ม
สูตร 1 นำเนื้อส้มมาแกะกลีบออก แล้ววางแปะบนใบหน้าจนทั่ว ปล่อยไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ผิวหน้าจะกระจ่างใสขึ้นสูตร 2 คั้นน้ำส้มผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ คนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าจนทั่ว ปล่อยไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นและทำให้ผิวหน้าขาวใสขึ้นได้
ไอเดียการกินส้มเพื่อสุขภาพ
ส้ม มักนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะน้ำส้มคั้นสดที่หลายคนเลือกดื่มในช่วงเช้าก่อนออกไปทำงาน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารและวิตามินซีในช่วงเช้า แต่ยังมีอีกหลากหลายเมนูที่นำเอาส้มมาเป็นวัตถุดิบหลัก จะมีอะไรบ้างนั้นตามไปดูกันเลย
1.แยมส้ม
ส่วนผสมที่ต้องเตรียมคือ ส้ม น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว เมื่อได้ส่วนผสมทั้งหมดแล้วให้ปอกผิวส้มโดยตัดส่วนที่ขาวๆ ออก จากนั้นซอยผิวส้มให้เป็นเส้นบางๆ ตามด้วยหั่นเนื้อส้มตามกลีบ ส่วนกากที่เหลือให้บีบน้ำออกใส่ลงไปในหม้อ ต่อไปก็เริ่มที่ขั้นตอนของการเคี่ยวส้มและน้ำตาลทราย โดยเคี่ยวด้วยไฟอ่อน เคี่ยวต่อไปจนข้นแล้วค่อยปิดไฟ ใส่ผิวส้มแต่เพียงพอประมาณ ตามด้วยน้ำมะนาวแล้วคนต่อไปให้เข้ากัน พักให้เย็นแล้วตักใส่ภาชนะเก็บไว้ทาน
ประโยชน์ของส้ม
ส้มเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยในการสร้างคอลลาเจนภายในร่างกาย มีส่วนช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้เป็นอย่างดีมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีความเปล่งปลั่งสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ และฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้านให้มีความชุ่มชื้น สุขภาพดีได้ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง และช่วยลดสภาวะของความเครียดให้ลดลง4.วิตามินซีที่อุดมอยู่ในส้มช่วยบำรุงสายตาให้มีสุขภาพดี และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคต้อกระจกได้อีกด้วยมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและโรคเลือดออกตามไรฟันแผลไฟไหม้หรือแผลหลังผ่าตัดสามารถหายได้เร็วขึ้นจากการทานส้ม เพราะส้มมีวิตามินซีและคอลลาเจนที่จะช่วยในการสมานแผลต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพส้มมีสารอาหารอย่างสารฟลาโวนอยด์ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการอักเสบ และช่วยป้องกันเลือดจับตัวกันเป็นก้อนได้ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม สารเบต้าแคโรทีนที่อุดมอยู่ในส้มนั้นมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเส้นผมได้ นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงเล็บ ผิว และยังมีส่วนช่วยให้ผนังหลอดเลือดเส้นเลือดฝอยมีความแข็งแรงเปลือกส้มเต็มไปด้วยน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีความสามารถในการแก้อาการวิงเวียนศีรษะ และยังจัดเป็นยาระบายอ่อนๆ ได้ดี นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยในการปรับระดับน้ำตาลในเลือด และยังช่วยกรองสารพิษที่อยู่ในตับได้อีกด้วยการทานส้มเป็นประจำทุกวัน ยังช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ มีส่วนช่วยในการลดโอกาสที่จะเกิดโรคมะเร็งที่ปาก กระเพาะอาหาร และทมะเร็งกล่องเสียง อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเป็นอัมพาตได้เป็นอย่างดีน้ำส้มช่วยแก้อาการกระหาย ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
ไอเดียการใช้ส้มเพื่อสุขภาพ
นอกจากส้มจะเป็นผลไม้มงคลรับตรุษจีนแล้ว ยังถือว่าเป็นผลไม้ที่สามารถนำมาทำเป็นเมนูอาหารเครื่องดื่มได้อีกหลากหลายเลยทีเดียว และที่สำคัญยังสามารถนำมาใช้เพื่อสุขภาพได้อีกด้วย เช่น
ช่วยไล่ยุง นำเปลือกส้มมาตากแห้ง เมื่อแห้งแล้วให้นำมาจุดไฟ วิธีนี้จะช่วยให้กลิ่นที่หอมฟุ้ง เพิ่มความสดชื่นในร่างกาย อีกทั้งยังเป็นการไล่ยุ่งด้วยวิธีที่ปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วยช่วยย่อยอาหาร การเสิร์ฟอาหารที่เป็นเมนูเนื้อสัตว์คู่กับเปลือกส้ม จะเป็นการช่วยย่อยอาหารที่มีไขมันสูงได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว หรือจะสับเปลือกส้มลงในเมนูอาหารขณะที่กำลังปรุงอาหารนั้นๆ ด้วยก็ยังได้ดับกลิ่นในห้องครัว การนำเปลือกส้มมาอบด้วยไฟอ่อนสักประมาณ 4-5 นาที จากนั้นเปิดฝาไมโครเวฟทิ้งไว้ จะทำให้กลิ่นหอมของเปลือกส้มที่ได้จากน้ำมันหอมระเหยช่วยดับกลิ่นอาหารที่ไม่พึงประสงค์ในห้องครัวได้เป็นอย่างดีแก้อาการดับกระหาย เพียงนำส้มมาคั้นสดๆ แล้วดื่มก็จะช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย ปลุกความสดชื่นและสามารถดื่มดับกระหายในหน้าร้อน หรือช่วงอากาศร้อนๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ซึ่งวิตามินซีจากส้มยังช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วยปรนนิบัติด้านความงาม ส้มเราสามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบเสริมความงามได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส เรียบเนียน และลดเลือนจุดด่างดำให้ดูจางลง โดยสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
สูตรพอกหน้าด้วยส้ม
สูตร 1 นำเนื้อส้มมาแกะกลีบออก แล้ววางแปะบนใบหน้าจนทั่ว ปล่อยไว้ประมาณ 15-20 นาที จากนั้นล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ผิวหน้าจะกระจ่างใสขึ้นสูตร 2 คั้นน้ำส้มผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ คนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าจนทั่ว ปล่อยไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างหน้าให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่มชุ่มชื้นและทำให้ผิวหน้าขาวใสขึ้นได้
ไอเดียการกินส้มเพื่อสุขภาพ
ส้ม มักนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะน้ำส้มคั้นสดที่หลายคนเลือกดื่มในช่วงเช้าก่อนออกไปทำงาน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารและวิตามินซีในช่วงเช้า แต่ยังมีอีกหลากหลายเมนูที่นำเอาส้มมาเป็นวัตถุดิบหลัก จะมีอะไรบ้างนั้นตามไปดูกันเลย
1.แยมส้ม
ส่วนผสมที่ต้องเตรียมคือ ส้ม น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว เมื่อได้ส่วนผสมทั้งหมดแล้วให้ปอกผิวส้มโดยตัดส่วนที่ขาวๆ ออก จากนั้นซอยผิวส้มให้เป็นเส้นบางๆ ตามด้วยหั่นเนื้อส้มตามกลีบ ส่วนกากที่เหลือให้บีบน้ำออกใส่ลงไปในหม้อ ต่อไปก็เริ่มที่ขั้นตอนของการเคี่ยวส้มและน้ำตาลทราย โดยเคี่ยวด้วยไฟอ่อน เคี่ยวต่อไปจนข้นแล้วค่อยปิดไฟ ใส่ผิวส้มแต่เพียงพอประมาณ ตามด้วยน้ำมะนาวแล้วคนต่อไปให้เข้ากัน พักให้เย็นแล้วตักใส่ภาชนะเก็บไว้ทาน
2.น้ำส้มบ๊วยโซดา
สำหรับเครื่องดื่มนี้ให้เตรียมน้ำส้มคั้นสด น้ำตาลทราย บ๊วยเค็มแห้ง เนื้อส้มหั่นเต๋า ใบสะระแหน่ น้ำโซดา น้ำเปล่า และน้ำแข็ง ขั้นตอนในการทำคือ เริ่มจากทำน้ำเชื่อมบ๊วยก่อน โดยต้มบ๊วยกับน้ำตาลทรายและน้ำด้วยไฟอ่อนๆ เคี่ยวต่อไปจนงวด ให้น้ำเชื่อมเหลือเพียงครึ่งแล้วจึงพักให้เย็น เมื่อได้น้ำเชื่อมแล้วให้ผสมน้ำเชื่อมบ๊วย น้ำส้มคั้นสด เนื้อส้ม ใบสะระแหน่ และโซดา คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน แล้วจึงตักใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเตรียมไว้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
3.กรานิต้าน้ำส้ม
เมนูนี้ให้เตรียมน้ำส้มคั้นสด น้ำเชื่อม เนื้อส้มไร้เมล็ด และน้ำมะนาว ขั้นตอนการทำเริ่มจากปั่นส่วนผสมทุกอย่างให้พอหยาบ จากนั้นเทใส่ภาชนะสแตนเลส แล้วนำไปแช่แข็งจนส่วนผสมที่ได้เริ่มเซตตัว นำส้อมมาขูดให้เป็นเกล็ดน้ำแข็ง แล้วจึงนำไปแช่แข็งอีกครั้ง เมื่อส่วนผสมเริ่มแข็งตัว ก็นำออกมาขูดด้วยส้อมอีกครั้งจนหน้าตาคล้ายกับเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟในช่วงที่อากาศร้อน เพราะสามารถทานเพื่อช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายได้ดีทีเดียว
4.พานาคอตต้าส้ม
เตรียมวิปปิ้งครีม นมจืด น้ำตาลทราย น้ำส้มคั้นสด และเจลาติน เมื่อได้ส่วนผสมทั้งหมดแล้ว ให้เริ่มจากการทำส่วนแรกกันก่อนนั่นก็คือ นำวิปปิ้งครีมและนมจืดเทใส่ลงไปในหม้อ จากนั้นตั้งไฟให้พออุ่น แล้วจึงค่อยๆ เติมน้ำตาลทรายลงไป มาต่อกันที่ส่วนที่ 2 คือ นำน้ำส้มคั้นสดใส่หม้อแล้วตั้งไฟให้พออุ่น เติมน้ำตาลทรายลงไป ในระหว่างนั้นให้นำแผ่นเจลาตินมาแช่ลงในน้ำเย็น เมื่อเจลาตินนิ่มให้นำไปใส่ในส่วนผสมที่ 1 และ 2 แล้วจึงคนให้เข้ากัน ต่อด้วยเทใส่ลงไปในพิมพ์ ตกแต่งด้วยผลไม้ที่ต้องการนำเข้าตู้เย็น เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
5.มัฟฟินส้ม
เตรียมแป้งอเนกประสงค์ แป้งโฮลวีต เบกกิ้งโซดา เนื้อส้มแกะเป็นกลีบ นมถั่วเหลือง น้ำส้มเข้มข้น น้ำมันคาโนลา น้ำตาลหญ้าหวาน แอปเปิ้ลไซเดอร์ และเกลือป่น เริ่มด้วยการเปิดเตาอบที่ 170 องศา ทาน้ำมันให้ทั่วพิมพ์แต่เพียงบางๆ เตรียมรอไว้ มาต่อกันที่ส่วนผสมแรก โดยร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิดและเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน จากนั้นให้ทำส่วนที่ 2 โดยเติมส่วนผสมที่เหลือยกเว้นเนื้อส้ม ตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นเทส่วนผสมที่ได้ลงไปในแป้งที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ใช้พายกวนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ จัดเรียงเนื้อส้มที่แกะเป็นกลีบให้สวยงาม นำเข้าเตาอบประมาณ 25 นาที พักให้เย็นแล้วแกะออกจากพิมพ์ เตรียมเสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มได้เลย
ข้อควรระวัง
ถึงแม้ว่าส้มจะเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ แต่หากรับประทานส้มมากเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นเดียวกัน โดยข้อควรระวังในการรับประทานส้ม มีดังนี้
เส้นใย : ส้มถือว่าเป็นผลไม้ที่มีปริมาณเส้นใยมากที่สุดอีกหนึ่งชนิด โดยมีปริมาณอยู่ที่ 2.4 กรัม เพราะฉะนั้นจึงควรที่จะรับประทานเพียงแค่ 1 ลูกเท่านั้น แต่หากรับประทานมากกว่านั้นจะส่งผลทำให้มีปริมาณเส้นใยภายในลำไส้มากจนเกินไป และทำให้เกิดปัญหาท้องผูกได้วิตามินซี : ภายในส้มมีปริมาณวิตามินซีมากเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายต้องการวิตามินซีเพียงแค่ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมเท่านั้น หากร่างกายได้รับปริมาณวิตามินซีมากกว่าที่ต้องการ ก็จะส่งผลทำให้เกิดโรคท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด นอนไม่หลับ หรือแม้กระทั่งทำให้เกิดโรคนิ่วในไตขึ้นได้กรด : ส้มถือเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรดเช่นกัน เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของกรดภายในกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ควรทานส้มไม่เกิน 1 ลูก นอกจากนี้ หากทานส้มมากเกินไปก็อาจทำให้กรดจากส้มทำลายผิวฟันให้สึกหรอได้โพแทสเซียม : โพแทสเซียมเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการเป็นอย่างมาก แต่ก็มีระดับปริมาณที่ต้องการจำกัดซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละคน โดยหากได้รับปริมาณโพแทสเซียมจากส้มมากเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะส่งผลทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ
ส้มไม่เพียงแต่จะเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของวิตามินซีสูงแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นผลไม้ที่สามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และยังสามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูอาหารทั้งคาว-หวานได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังให้ประโยชน์และสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย ดังนั้นถือว่าเป็นผลไม้ที่ทุกคนควรหันมาบริโภคเพื่อการมีสุขภาพที่ดี แต่ก็ควรคำนึงถึงปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน เพื่อไม่ทำให้เกิดผลเสียใดๆ ต่อสุขภาพนั่นเอง
แนะนำให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เพราะปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อหน้าดินและปลอดภัยต่อผู้บริโภค ปุ๋ยอินทรีย์ที่ดีจะต้องมีธาตุอาหารครบถ้วนจึงจะทำให้พืชพรรณ ต้นไม้เจริญงอกงามได้อย่างสมบูรณ์
ปุ๋ยอินทรีย์ไซโต ถือเป็นปุ๋ยที่ได้รับความนิยมจากเกษตรกรเป็นอย่างมาก ปุ๋ยไซโตมีคุณสมบัติและส่วนประกอบที่พืชต้องการครบถ้วน เพราะผลิตจากมูลค้างคาวที่ผ่านการตรวจสอบเรื่องธาตุอาหารที่ครบสมบูรณ์มากๆและยังมีฮอร์โมนไซโตไคนินที่เข้มข้น ปุ๋ยไซโต มีส่วนประกอบหลัก 8 อย่าง อาทิเช่น ฮอร์โมนไซโตไคนิน สารคีเลต จุลินทรีย์ มูลค้างคาว ฯลฯ ช่วยให้ต้นไม้ของคุณงอกงาม ไม้ผล ผลผลิตสูง
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ 089-9803982 , 093-4696289
www.cyto.biz (ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยมูลค้างคาว ปุ๋ยไซโต)
Комментарии