ใครว่าข้าวชอบน้ำขังกัน ฮึ!……
เราคุ้นเคยกับภาพต้นข้าวตัวเขียวๆ ยืนแช่น้ำในแปลงนา มาตั้งแต่จำความได้จนกระทั่งหนวดเริ่มหงอกแล้ว แต่เคยรู้บ้างไหมว่า มันเป็นความต้องการที่แท้จริงของข้าวหรือไม่ หรือมันจำใจต้องยืนแช่น้ำอยู่อย่างนั้นทั้งๆ ที่ใจไม่ชอบเลย มีรายงานจากนักวิชาการเกษตรทั้งไทยและเทศยืนยันตรงกันว่า ข้าวเป็นพืชที่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำขังในแปลงนาตั้งแต่ปลูกไปจนถึงใกล้เก็บเกี่ยว เพียงแต่การที่ชาวนาไขน้ำเข้านามากมายอย่างนั้น ก็เพื่อสะดวกในการตีดินให้เป็นโคลนซึ่งจะง่ายต่อการปักดำต้นข้าว..ลองคิดดูซิว่าถ้าจิ้มต้นพืชปลูกในดินแข็งๆ แล้วรากจะไม่เจ็บช้ำแย่เหรอ อาจงอแงถึงตายได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเตรียมแปลงทำเทือก(คือทำดินให้เป็นขี้โคลน) เพื่อง่ายต่อการจิ้ม(ปักดำ)ต้นข้าวลงในดินนา นอกจากนี้การทำเทือกยังช่วยลดการแข่งขันกับวัชพืชอีกด้วย (วัชพืชก็คือพวกพืชที่เราไม่ต้องการให้ขึ้นนั่นแหละ) ซึ่งถ้าใครคิดว่าเป็นการลำเอียงหรือลิดรอนสิทธิเสรีภาพการเจริญเติบโตของวัชพืช ก็ตามใจ ขอให้สร้างความเป็นธรรมเฉพาะในแปลงนาของคุณก็แล้วกันนะ ส่วนผมนั้นคิดว่าไม่ฆ่าด้วยสารเคมีก็ถือว่าได้บุญแล้ว ไม่เกิดมลพิษกับโลก
ในช่วงปักดำข้าวนั้นก็ต้องขังน้ำไว้ให้สูงประมาณหนึ่งฝ่ามือจากผิวดินเพราะต้องการให้ระดับน้ำคอยพยุงต้นข้าวให้ตั้งตรง ไม่โอนเอนตามลมพัดลมเพ (เหมือนใจใครคนหนึ่ง) จะทำให้รากข้าวไม่ยอมเกาะยึดกับดินซะที จะพาลพะโลตายไปเลย อีกทั้งยังป้องกันปูกั้นหนูมากัดกินยอดข้าวอีกด้วย หลังจากข้าวฟื้นตัวแล้วก็ไม่จำเป็นต้องขังน้ำไว้ตลอดการให้น้ำแบบแห้งๆ เปียกในนา ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดก๊าซไข่เน่าในดินนา และยังเป็นการเติมออกซิเจนให้รากได้หายใจและแข็งแรงอยู่เสมอ เมื่อข้าวเริ่มแตกกอผลิใบใหม่ได้แล้วก็จะสร้างใบคลุมพื้นดินนาทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องกลัวเกรงวัชพืชทั้งหลายจะขึ้นแข่งขันอีก และยังช่วยรักษาการระเหยของน้ำในนาได้อีกด้วย
การให้น้ำแบบแห้งๆ เปียกๆ ในช่วงออกรวง ยังช่วยป้องกันต้นข้าวหักล้มได้อีกด้วย ซึ่งทางภาคเหนือกลัวเกรงข้าวหักล้มกันมากเพราะทำให้ได้ผลผลิตต่ำลงถึง 50-60% โดยเฉพาะหักล้มก่อนออกรวง โดยปกติแล้วในราวต้นเดือนตุลาคมมีลม ”ข้าวต้าว” ที่มาเยือนทุกปีเพื่อบอกถึงการเปลี่ยนฤดูกาลเข้าหน้าหนาว ซึ่งมักเกิดปัญหาข้าวหักล้มนั่นเอง
จากผลการทดลองของศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก (แฮ่ม..พูดแบบนักวิชาการซะหน่อย) ได้ยืนยันชัดเจนถึงความต้องการน้ำของพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ว่า แค่ดินเปียกแฉะก็สามารถให้ผลผลิตสูงเทียบเท่าขังน้ำระดับ 5-15 ซม. (แสดงในตาราง) ซึ่งผมได้ศึกษาเรื่องนี้อยู่ก็ได้ผลเช่นกัน จะมีปัญหาก็เพียงเรื่องเดียวคือ หนูนา (คนละตัวกับหนูปากแดงในค๊อฟฟีชอฟ) ที่มักจะมากัดกินรวงอ่อนและต้นข้าวได้อย่างสบายเพราะไม่มีน้ำขังในนา ถ้าป้องกันกำจัดหนูควบคู่ไปด้วยแล้ว จากนั้นก็คงเหลือแต่ปัญหาโดนพ่อค้าข้าวกดราคารับซื้อเท่านั้นแหละจ้า
ระดับน้ำขัง ผลผลิตข้าวเปลือกพันธุ์ขาวดอกมะลิ (กก./ไร่) 0(ดินแฉะด้วยน้ำ) 659 a 5 640 a 10 631 a 15 622 a
20 550 b
www.cyto.biz (ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยมูลค้างคาว ปุ๋ยไซโต)
Comentarios