top of page

ส่วนประกอบ

มูลค้างคาว 40% 

มูลค้างคาว หรือที่หลายคนเรียกว่า "ทองคำดำ" ในวงการเกษตรนั้นนับเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณค่าสูงและเป็นที่ต้องการอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวที่อุดมไปด้วยธาตุอาหารหลักที่พืชต้องการอย่างไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ทำให้มูลค้างคาวช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้อย่างดีเยี่ยม ไม่เพียงเท่านั้น สารอินทรีย์จำนวนมากในมูลค้างคาวยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์อาศัยอยู่มากมาย ซึ่งส่งผลดีต่อระบบนิเวศในดินและช่วยให้พืชสามารถดูดซับธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ มูลค้างคาวยังมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพืช ทำให้พืชแข็งแรงและต้านทานต่อโรคและแมลงได้ดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรสามารถลดการใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัดศัตรูพืชได้อีกด้วย นอกจากนี้ มูลค้างคาวยังเป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่ย่อยสลายช้า ทำให้ธาตุอาหารค่อยๆ ปล่อยออกมาเลี้ยงพืชได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์และให้ผลผลิตที่ดี

มูลไก่ไข่ 40%

อุดมไปด้วยธาตุอาหารหลักที่พืชต้องการอย่างไนโตรเจน ทำให้เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย นอกจากธาตุอาหารที่จำเป็นแล้ว มูลไก่ไข่ยังมีสารอินทรีย์จำนวนมากที่ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์อาศัยอยู่มากมาย ซึ่งส่งผลดีต่อระบบนิเวศในดินและช่วยให้พืชสามารถดูดซับธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

มูลวัว 20%

ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์อาศัยอยู่มากมาย ซึ่งส่งผลดีต่อระบบนิเวศในดินและช่วยให้พืชสามารถดูดซับธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ไซโตไคนิน

เป็นฮอร์โมนพืชชนิดหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช โดยมีหน้าที่หลักในการกระตุ้นการแบ่งเซลล์ ทำให้เซลล์ขยายขนาด และชะลอการแก่ของเซลล์ ส่งผลให้พืชมีอายุยืนยาวขึ้นและมีการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์

คีเลต

เปรียบเสมือนพาหนะพิเศษที่คอยส่งมอบธาตุอาหารให้กับพืชอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้พืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างเต็มที่และนำไปใช้ในการเจริญเติบโตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ธาตุอาหารบางชนิด เช่น เหล็ก แมงกานีส สังกะสี และทองแดง เมื่ออยู่ในดิน มักจะจับตัวกับธาตุอื่นๆ เช่น ฟอสฟอรัส หรือแคลเซียม ทำให้พืชดูดซึมได้ยาก หรืออาจเกิดการตกตะกอน ทำให้ธาตุอาหารเหล่านั้นสูญเสียประสิทธิภาพไป คีเลตจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้โดยการจับตัวกับธาตุอาหารเหล่านี้ ทำให้ธาตุอาหารอยู่ในรูปที่เสถียรและละลายน้ำได้ดี พืชจึงดูดซึมได้ง่ายขึ้น

8.jpg
7.jpg
bottom of page